เมืองฝนแปดแดดสี่ “ระนอง” จังหวัดเล็ก ๆ แต่ความสุขกลับไม่เล็กตาม ครบเครื่องไปด้วยภูเขา ทะเล น้ำตก รวมไปถึงอาหารแสนอร่อย เป็นเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวเยอะมาก ๆ เราไปมาสองครั้งก็ยังเที่ยวไม่หมด แต่ก็สามารถรวบรวมมาได้ 15 สิ่ง โดยเพื่อน ๆ สามารถไปตามรอยแห่งความสุขแบบนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นคนชอบเที่ยวสไตล์ไหน ระนองก็ตอบโจทย์ให้เราได้หมด
1. หมู่เกาะกำ อุทยานแห่งชาติแหลมสน
เกาะกำตก
มาระนองอย่างแรกที่ต้องคิดถึงคือ “ทะเล” และไม่ได้มีดีแค่เกาะพยาม เรากับกำลังพูดถึงหมู่เกาะกำ หมู่เกาะหลงยุคที่หลัก ๆ ประกอบไปด้วยเกาะกำตก เกาะค้างคาว และเกาะญี่ปุ่น โดยเกาะกำตกเป็นเกาะหลัก มีจุดชมวิวที่มองเห็นอ่าวเขาควายที่โค้งมนสวยงาม รวมทั้งทิวสนที่คอยให้ร่มเงาภายใต้แสงแดดอันร้อนแรง
ภาพถ่ายมุมสูงจากโดรน มองเห็นเกาะกำตกและอ่าวเขาควาย
เกาะกำตก
เกาะกำตก
หาดทรายก็ขาวสะอาด นุ่มนวลเท้าดีเหลือเกิน ยิ่งตัดกับฟ้าใส ๆ ยิ่งชวนให้หลงใหลนัก แถมยังเงียบสงบเหมาะกับการมาพักผ่อนเป็นที่สุด จากนั้นก็ไปต่อกันที่เกาะค้างคาว ซึ่งแน่นอนว่าเป็นแหล่งอาศัยของพี่แบทเขาล่ะ จุดเด่นนอกจากชายหาดที่สวยงามแล้ว ยังมีจุดดำน้ำตื้นให้เราได้ลงไปสำรวจกันด้วยนะ
เกาะค้างคาว
มาเหยียบเกาะค้างคาว ก็ต้องถ่ายรูปคู่กับค้างคาว
เกาะค้างคาว
ปิดท้ายกันที่เกาะญี่ปุ่น เกาะที่มีชื่อสะดุดหูเหลือเกิน ที่มาของชื่อก็คือสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นได้นำเรือรบมาจอดเทียบบนเกาะแห่งนี้เพื่อพักแรมและตั้งแคมป์นั่นเอง จุดเด่นของเกาะญี่ปุ่นคือน้ำทะเลที่ใสกิ๊งและชายหาดอันกว้างใหญ่ ถ้าได้หนังสือเล่มโปรดกับเครื่องดื่มที่ชอบ เรานี่อยู่ได้ทั้งวันเลยนะ
เกาะญี่ปุ่น
เกาะญี่ปุ่น
2. ชุมชนมุสลิม บ้านแหลมนาวโฮมสเตย์
ภายใต้ความเจริญของเมืองที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ใจเรากลับโหยหาชีวิตที่แสนสมถะ อยากหนีความวุ่นวายไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จัก และการเดินทางแต่ละครั้งก็นำพาเราไปค้นพบสถานที่เหล่านั้น ครั้งแล้าครั้งเล่า … หนึ่งในนั้นคือชุมชนมุสลิมเก่าแก่นับร้อยปี “บ้านแหลมนาว” อ.สุขสำราญ จ.ระนอง
การมาเยือนบ้านแหลมนาวครั้งนี้ เราไม่ได้แค่มาเที่ยวพักผ่อนเท่านั้น แต่เรามาอยู่ มาเป็นส่วนหนึ่ง มาใช้ชีวิต มาช่วยเหลือคนในชุมชน กับการสร้างเตาเผาขยะและทาสีมัสยิดให้กลับมาสวยงามเช่นเดิม โดยชุมชนมีงบประมาณไม่เพียงพอในการมาทำในส่วนนี้ได้ ก็ได้ชาวอาสาเที่ยวนี่แหละ ที่ทำให้กิจกรรมดี ๆ แบบนี้เกิดขึ้น
สร้างเตาเผาขยะ
ทาสีมัสยิด
มาเที่ยวชุมชนแบบนี้ สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือการไปพูดคุย คลุกคลีกับชาวบ้าน ไปสัมผัสเรื่องราว รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เราเดินเล่นถ่ายรูปเด็ก ๆ จนเพลินเลยล่ะ ชาวบ้านที่นี่มีอาชีพหลักคือทำประมง เพราะมีที่ตั้งอยู่บนแหลมเลียบชายฝั่ง โดยเป็นชาวมุสลิมทั้งหมู่บ้าน ซึ่งเรากับเขาอาจต่างแค่ศาสนา แต่สิ่งที่เหมือนกันคือความใส่ใจต่อวิถีชีวิตและธรรมชาติ ใส่ใจในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชนแห่งนี้ให้ยั่งยืน
ที่บ้านแหลมนาวเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาพักแบบโฮมสเตย์ กินอยู่แบบบ้าน ๆ กับอาหารทะเลสด ๆ กางมุ้งนอนบนฟังเสียงคลื่นบนศาลาไม้ ตื่นเช้ามาเจอกับแสงแรกของวันที่ค่อย ๆ โผล่พ้นขอบฟ้าและทิวเขา มีหมอกจาง ๆ ลอยอยู่เหนือทะเลอันดามัน ช่วงเย็นไปชมพระอาทิตย์ตกที่หาดคลองกิ่ว ยามค่ำคืนก็นั่งมองดวงดาราที่สุกสกาวเต็มท้องฟ้า แค่นี้คงเพียงพอสำหรับเหตุผลในการมาเยือนบ้านแหลมนาวแล้วใช่มั้ยล่ะ?
พระอาทิตย์ขึ้นที่บ้านแหลมนาว
ชมแสงสุดท้ายของวันที่หาดคลองกิ่ว
สนใจเดินทางมาเที่ยว ติดต่อสอบถาม 081-078-5094 (ผู้ใหญ่โกบ)
สามารถติดตามกิจกรรมอาสาได้ที่ อาสาเที่ยว
ตกดึก แค่แหงนหน้ามองดาว ก็สุขใจแล้ว
3. ร้านอาหารคุ้นลิ้น
ถ้าจะให้พูดถึงร้านเด็ดเมืองระนอง หนึ่งในนั้นต้องมีร้านคุ้นลิ้น กับรสชาติอาหารปักษ์ใต้และอาหารทะเลอันจัดจ้านแต่กลมกล่อม พร้อมด้วยเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่รอเสิร์ฟดับกระหายอีกหลายเมนู
“คุ้นลิ้น” เต็มไปด้วยกิมมิกเฉพาะตัวหลายอย่าง ทั้งการต้อนรับลูกค้าด้วยปูนิ่มชุบแป้งทอด เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย ตกแต่งด้วยตุ๊กตาไล่ฝน ที่ให้ลูกค้าเขียนแล้วนำไปผูกไว้ ทำไปทำมากลายเป็นแผงตุ๊กตาไล่ฝนสีสันสดใส (ระนองเป็นเมืองฝน การแขวนตุ๊กตาไล่ฝนจึงเป็นความเชื่อของคนที่นี่) แล้วก็ยังมีเซียมซีเมนูอาหาร ที่ไม่รู้จะสั่งอะไรก็เสี่ยงดวงเอาเลย อันนี้ชอบ ไหนจะมีพนักงานมาเต้นประกอบเพลงทุกต้นชั่วโมง บันเทิงไปอีก เรียกว่าอิ่มพุง อิ่มตา และอิ่มใจพร้อมกันเลยทีเดียว
Nonstop Journey บนตุ๊กตาไล่ฝน
4. บ่อน้ำร้อน สวนสาธารณะรักษะวาริน
ในอดีตนั้นเมืองระนองเคยรุ่งเรืองมากจากการทำเหมืองแร่ดีบุก ลักษณะทางธรณีวิทยาของเมืองระนองจึงมีความสมบูรณ์ของแร่ธาตุมาก จึงทำให้มีแหล่งน้ำแร่อยู่มาก และที่โด่งดังที่สุดก็คือ บ่อน้ำร้อน สวนสาธารณะรักษะวาริน ที่เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของคนในครอบครัว มีบ่อน้ำร้อนธรรมชาติให้เราได้แช่บำบัดอาการปวดเมื่อยเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี พร้อมด้วยลานสุขภาพสำหรับออกกำลังกายหรือเล่นโยคะ เพื่อให้สมกับเป็น Wellness City เมืองของคนรักสุขภาพอย่างแท้จริง
สะพานแขวน แลนด์มาร์กแห่งรักษะวาริน
5. บ้านร้อยปีเทียนสือ
ย้อนรอยประวัติศาสตร์เมืองระนองให้ลึกถึงแก่น ต้องมาที่ “บ้านเทียนสือ” โดยเทียนสือนั้นเป็นหลานเขยของคอซูเจียง เจ้าเมืองระนอง ในอดีตนั้นบ้านเทียนสือเปรียบเหมือนท้องพระคลังกลางเมืองระนอง ไม่แปลกใจที่มีประตูเข้าตัวบ้านถึง 5 ชั้น มีกำแพงที่แข็งแรงมาก มีความหนาประมาณฟุตครึ่ง ก่อสร้างอย่างแข็งแรงไม่มีการชำรุดและอยู่มานานนับร้อยปี
นอกจากนี้ยังเป็นเรือนหอของเทียนสือและนางฉ่ายหล่วน ณ ระนอง หลานสาวของคอซูเจียงอีกด้วย บ้านเทียนสือนั้นสืบทอดเรื่องราวคู่มากับเมืองระนองกว่า 126 ปีแล้ว โครงสร้างชั้นบนเป็นไม้ ชั้นล่างเป็นตึก มีลักษณะเหมือนบ้านแฝด หน้าต่างเป็นแผ่นไม้หนา รูปทรงแบบหมวกจีนโบราณและปูพื้นด้วยอิฐกระเบื้อง
โกศุภ ทายาทรุ่นที่ 6 ผู้ดูแลบ้านเทียนสือคนปัจจุบัน
บ้านเทียนสือ เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเมืองระนอง สามารถเข้ามาเยี่ยมชม ศึกษาหาความรู้ และถ่ายภาพกับความคลาสสิกที่มีเสน่ห์ล้นเหลือแบบนี้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ นอกจากนี้บริเวณหน้าบ้านยังเปิดเป็นร้านโจ๊กและก๋วยจั๊บสูตรโบราณ ที่บอกเลยว่ารสชาติไม่ธรรมดา
6. สองแถวไม้ พาหนะสุดชิคเมืองระนอง
เมื่อมาถึงระนอง พาหนะที่สะดุดตาเราที่สุดเห็นจะเป็นสองแถวไม้สีแดงอมส้ม แล่นสัญจรไปมาผ่านสายตาคันแล้วคันเล่า มันคือซิกเนเจอร์ชัด ๆ เราไม่รอช้าจัดการมาเป็นพร็อพถ่ายรูปเท่ ๆ ซะเลย จะถ่ายในเมืองก็แสนเกร๋ จะโยกมาวางบนฟลอร์หญ้าก็สุดคูลลลลล!!
7. เล่นว่าวที่ภูเขาหญ้า
ภูเขาหญ้า แลนด์มาร์กทางธรรมชาติที่สำคัญของจังหวัดระนอง มีลักษณะเป็นภูเขาหัวโล้น เตี้ย ๆ ไล่ระดับคล้ายการ์ตูนเรื่องเทเลทับบี้ ในช่วงฤดูฝนจะเป็นสีเขียว (ตามภาพหน้าปก) และช่วงหน้าร้อนก็จะมีสีเหลืองทอง สวยกันไปคนละแบบ
ภูเขาหญ้า เปรียบเหมือนห้องนั่งเล่นอันกว้างใหญ่ ช่วงเย็นจะมีคนมาเล่นว่าว นั่งปิกนิก พบปะพูดคุย รวมไปถึงสายบ้าถ่ายรูปอย่างเรา ไม่รีรอจะหามุมชิค ๆ ถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกกลับบ้าน
สองแถวไม้ยังคงได้รับความนิยมสำหรับฉากถ่ายรูป
8. The Alis Cafe’
The Alis Cafe’ ร้านกาแฟเล็ก ๆ แต่รสชาติและความสุขกลับไม่เล็กตาม นี่คงเป็นคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนที่สุดของทั้งร้านนี้และจังหวัดระนอง นอกจากกาแฟรสเยี่ยมแล้ว ขนมก็ยังเลิศเลอไม่แพ้กัน รวมไปถึงอาหารจานเดียวก็อิ่มคุ้มในราคามิตรภาพ เป็นร้านที่ควรมาโดนอย่างยิ่ง เราแนะนำ
9. ซาลาเปาทับหลี
หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ “ซาลาเปาทับหลี” ซึ่งต้นตำรับก็อยู่ที่ระนองนี่เอง ถ้าจะให้ถึงจริง ๆ ต้องไปกินที่บ้านทับหลี จะเป็นหมู่บ้านที่ขายซาลาเปาและขนมจีบโดยเฉพาะเลย แต่ถ้าไม่อยากขับรถไกล หากินเอาในเมืองก็ไม่ยาก บอกเลยว่าต้องลอง
สูตรเด็ดของซาลาเปาทับหลีนอกจากลูกเล็กเหมาะมือ แป้งบางนุ่มละมุนแล้ว คือการใช้วัตถุดิบสำคัญอย่างซีอิ๊วตรานกแก้ว แบรนด์ท้องถิ่นที่อยู่คู่ครัวของคนระนองมายาวนาน ทำให้รสชาติของซาลาเปาทับหลีมีความหอมของซีอิ๊วแตกต่างจากที่อื่น โดยเรามีโอกาสมาเยือนโรงงานซี้อิ๊วตรานกแก้ว ไปดูวิธีการเก็บรักษา กระบวนการแปรรูป และยังได้สนุกกับกิจกรรมทำซาลาเปากันด้วย
โรงงานซีอิ๊วตรานกแก้ว
10. อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว
เที่ยวทะเล เที่ยวภูเขา ชมวิถีชีวิต กินแหลกกันไปแล้ว จะขาดน้ำตกได้ยังไง เมืองฝนแปดแดดสี่ยังไงน้ำตกก็คือพระเอก เพราะต่อให้ฟ้าจะเน่า เราก็เข้าป่าไปเล่นน้ำตกให้สดชื่นได้ ที่พลาดไม่ได้คือน้ำตกหงาว สังเกตง่าย ๆ หากเรายืนจากภูเขาหญ้าแล้วมองไปทางถนนสายหลัก เบื้องหลังจะเป็นภูเขา เราจะเห็นสายน้ำทอดยาวไหลลงเป็นเส้นลงสู่พื้นดิน นั่นแหละน้ำตกหงาว เดินทางก็สะดวกแค่จอดรถแล้วเดินไปหน่อยเดียว เราก็จะได้สัมผัสกับความเขียวขจีของผืนป่าและความชุ่มฉ่ำของสายน้ำแบบง่าย ๆ เลยล่ะ
11. คลองบางริ้น
เรายังคงอยู่กับธรรมชาติต่อ กับการผจญภัยกลางสายน้ำที่คลองบางริ้น ด้วยการพายเรือยางล่องไปตามลำน้ำ สูดกลิ่นธรรมชาติเข้าให้เต็มปอด เป็นกิจกรรมที่ต้องอาศัยความสามัคคีของคู่หูบนเรือ ที่อนุญาตให้หย่อนตูดลงมาแค่ลำละ 2 คนเท่านั้น ตลอด 45 นาที แม้กล้ามเนื้อแขนอาจต้องออกแรงหนักหน่วงสักหน่อย แต่กล้ามเนื้อหัวใจก็ได้สูบฉีดความสุขมากตามไปด้วย ไม่เชื่อลองไปสัมผัสดูสิ …
12. ล่องเรือตามรอยเสด็จประพาส ร.๕
ทริปสุดฮอตที่คุณจะหลงรักระนองแบบหมดใจ เปิดประสบการณ์การเดินทางด้วยการลองใช้ชีวิตเป็น “คนระนอง” ที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นจังหวัดที่คนมีความสุขมากที่สุด 1 ใน 3 ของประเทศไทย กับการนั่งเรือไม้โบราณระนองสุดคลาสิกแห่งเดียวในไทยที่มีอายุกว่า 100 ปี โดย The Royal Andaman ที่จะพาคุณเพลิดเพลินบนเส้นทางประวัติศาสตร์สุดโรแมนติกตามรอยเสด็จฯ รัชกาลที่ ๕
ประภาคารเมืองระนอง ท่าเรือ The Royal Andaman
ช่วงเวลาแห่งความสุขก็เริ่มต้นตั้งแต่ขึ้นเรือ กับการนั่งจิบเครื่องดื่ม นั่งฟังเพลงโฟล์คซองจากนักดนตรีอาชีพ และเราก็สามารถเข้าไปร่วมแจมเป็นนักร้องได้ ลองนึกภาพตามว่านั่งร้องรำทำเพลงอยู่กลางทะเล กับลมเย็น ๆ โชยมาปะทะกายและใบหน้า รสเข้ม ๆ ของเครื่องดื่มที่เราชอบ มันจะมีความสุขแค่ไหน
อีกสิ่งที่เป็นกิมมิกเด่นคือการแต่งกายเป็นคนระนองแบบย้อนยุค ได้ทานอาหารโบราณระนองสูตรต้นตำรับ พร้อมสัมผัสความโรแมนติก ณ จุดชมพระอาทิตย์ตกทะเลทองคำที่ได้รับการกล่าวขาลว่าเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดบนแหลมมลายูเลยทีเดียว
อาหารทะเล ปูสด ๆ ก็พร้อมให้เราดินเนอร์บนเรือ
ชมพระอาทิตย์ตกกลางทะเลอันดามัน
ปิดท้ายด้วยสัมผัสประเพณี “ลอยพรกพร้าว” ประเพณีโบราณของชาวเรือระนอง คือการจุดเทียนลงบนกะลามะพร้าวแล้วนำไปลอยทะเล พร้อมอธิษฐานเพื่อขอบคุณพระแม่คงคาและขอพรเพื่อความสุขในชีวิต
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม: เดอะรอยัลอันดามันระนอง โทร 0917327185
ประเพณีลอยพรกพร้าว
13. โรตีนิสรา
เรากลับมาสู่ของกินอีกรอบ คราวนี้จะพาไปกินโรตีเจ้าดังของระนอง ที่ตั้งอยู่ซอยวัดบ้านหงาว “โรตีนิสรา” โดดเด่นด้วยแป้งที่หนานุ่ม หอมละมุนลิ้น ความน่ารักเป็นกันเองของคนในร้าน นอกจากโรตีแล้วก็จะมีมะตะบะ สลัดแขก และไก่ทอดแบบมุสลิม ที่บอกเลยว่ากินจนพุงแตก อ้อ เขายังมีโรตีแบบฟรีซ สามารถซื้อเป็นของฝากกลับไปทอดกินที่บ้านได้ด้วยนะ
14. วัชรีกาหยู