แรกเริ่มเดิมทีเราเห็นภาพถ้ำนี้ ปรากฎตามสื่อท่องเที่ยวต่าง ๆ เมื่อหลายปีก่อน จนอดคิดไม่ได้ว่าเมืองไทยของเรามีถ้ำที่มหัศจรรย์ขนาดนี้เชียวหรอ กับเสาหินที่ใหญ่และสูงที่สุดในโลกและหินผารูปร่างประหลาดมากมาย ทำให้ “ลำคลองงู” กลายเป็น 1 ในสถานที่ในฝันของเราเลยล่ะ
ถามว่าตั้งแต่เราเที่ยวแนวแอดเวนเจอร์ เดินป่า ปีนเขามา ทริปไหนโหดที่สุด ก็ขอตอบเลยว่า ถ้ำลำคลองงูนี่แหละ ที่แม้ระยะทางการเดินจะไม่ได้มากมาย แต่กิจกรรมที่แสนท้าทาย พาให้ร่างกายเราเหนื่อยล้าเอาได้ง่าย ๆ แต่ก็แลกมาด้วยความมันส์ที่หาไม่ได้จากที่อื่น เอาเป็นว่าคุ้มค่ากับความโหดแล้วกันเนอะ ใครที่ถวิลหาความระห่ำโปรดมาวัดกันที่นี่ได้ รับรองถึงใจ
หากใครสนใจอยากไปเที่ยวกาญจนบุรี หรือลำคลองงู การหาที่พักกาญจนบุรี ก็ไม่ยากอย่างที่คิด เพราะมีแอพจองที่พัก Traveloka เป็นตัวช่วยให้การจองที่พักกาญจนบุรี เป็นเรื่องที่ง่ายมากกว่าเดิม ด้วยข้อดีของที่พักกาญที่มีให้เลือกเยอะมาก แถมยังราคาไม่แพง มีโปรโมชั่นออกมาให้ใช้กันได้ตลอด ไม่ว่าจะไปเที่ยวช่วงไหน ไม่เว้นแม้ช่วงไฮซีซั่น คุณก็จะได้จองที่พักราคาดีๆ จากแอพทราเวลโลก้านี้

การมาเที่ยวลำคลองงู ทางอุทยานฯ เขาจะจัดทริปไว้ให้ 2 วัน 1 คืน ทั้งหมด 2 เส้นทาง โดยวันแรกเป็นวันที่เหนื่อยที่สุดกับการเดินป่าดิบเขาที่อากาศร้อนจัด แต่ก็ยังดีที่มีน้ำตกให้โดดพอให้คลายร้อน รวมระยะทางไปกลับ 8 กิโลเมตร (เดิน+ลอยน้ำ) เพื่อไปชมเสาหินที่สูงและใหญ่ที่สุดในโลก แค่นี้ก็น่าสนใจแล้วใช่ป่ะล่ะ


แค่เห็นภาพก็สัมผัสได้ถึงความร้อนแล้วใช่มั้ยล่ะ ถามว่าทำไมลำคลองงูถึงเปิดหน้าร้อน ก็เพราะว่าหน้าฝนหรือหน้าหนาว น้ำตกที่เราจะไปโดดกันน้ำมันจะเยอะและกระแสแรงมาก มีความอันตรายถึงชีวิต หน้าร้อน (มีนาคม-เมษายน) จึงเป็นช่วงที่ทางอุทยานฯ เปิดให้เข้ามาเที่ยวกันเพียงปีละ 2 เดือนเท่านั้น
หลังจากเดินป่าฝ่าความร้อนมาได้ เราก็ถึงน้ำตกและลำธารซะที เป็นช่วงเวลาที่แสนสดชื่นที่เรารอคอยมาตลอด เมื่อผิวกายถูกละอองน้ำเข้าปะทะ และมันจะทะลวงเข้าไปชโลมถึงหัวใจ หากเรากระโดดทิ้งตัวสู่ผืนน้ำ ปล่อยให้ร่างกายเป็นอิสระท่ามกลางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ …
ก่อนจะถึงช่วงไฮไลท์กับการลอดถ้ำลุยน้ำ ก็ขอแวะถ่ายรูปในมุมเท่ ๆ กันหน่อย เพราะมันไม่ได้มากันง่าย ๆ นี่เนอะ





ขาออกจากถ้ำเรากลับเจอสิ่งที่พีคกว่า คือทางที่เราจะกลับไปจุดเล่นน้ำเมื่อสักครู่เพื่อกินข้าวกลางวัน คือหน้าผาสูงประมาณ 4 เมตร ซึ่งเราต้องโดดลงสู่ผืนน้ำแล้วลอยคอไป เพราะถ้าไม่โดดคืออดกินข้าว ในเมื่อไม่มีทางเลือก ก็โดดสิครับ เพราะถ้ามาลำคลองงูแล้วไม่โดด ถือว่ามาไม่ถึง ที่สำคัญอย่าให้ใครมาว่าเราได้ว่าใจไม่ถึง 555
หลังจากขึ้นจากน้ำก็เล่นเอาหมดแรง เพราะในถ้าเสาหินนั้นค่อนข้างลื่น เดินยาก แถมยังต้องหลบหลีกหินคม ๆ ซึ่งเราโชคดีมาก ๆ ที่ไปถอยรองเท้าคู่ใหม่ถอดด้ามอย่าง Ultra Fast pack ll GTX จาก The North Face ที่เห็นว่ากระแสกำลังมาเลย
ต้องบอกเลยว่าน้ำหนักเบา กระชับแต่นุ่มสบาย ช่วยให้เดินได้คล่องตัว แถมกันน้ำได้ 100% เวลาเดินลุยน้ำนี่หายห่วง เรารู้สึกว่ามันระบายอากาศได้ดี คงเป็นเทคโนโลยีจาก Gore-tex ซึ่งที่ลำคลองงูเราไม่ได้แค่ลุยน้ำ แต่เราต้องกระโดดน้ำ ยังไงก็เปียกทั้งตัว แต่พอขึ้นมาบนบก ร้องเท้าคือส่วนที่แห้งก่อนเลย
*Gore-Tex คือ ยี่ห้อของวัสดุกันน้ำและระบายอากาศ ที่ได้รับความไว้วางใจเรื่องประสิทธิภําพมากที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก
เท่าที่เราศึกษาข้อมูลมา รองเท้ารุ่นนี้ผลิตจากยางชนิดพิเศษ ด้วยเทคโนโลยี Vibram Mega Grip ช่วยให้พื้นรองเท้ายึดเกาะบนพื้นผิวที่วิบากได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เราบอกเลยว่ามันเวิร์คมาก รู้สึกในทุกย่างก้าวที่เราเดิน มีความปลอดภัย เพื่อนร่วมทริปหลายคนยังมีลื่นกันบ้าง แต่เราไม่มีเลย เวลาปีนป่ายก็หนึบ เหยียดขาลงทางลาดก็หนับ ลดความเสี่ยงอันตรายต่อเท้าของเราได้มากจริง ๆ
*Vibram คือ ยี่ห้อของวัสดุพื้นยางรองเท้าสำหรับกิจกรรมเอาท์ดอร์ ที่ได้รับความไว้วางใจเรื่องคุณภาพมากที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก
รองเท้ารุ่นนี้นอกจากจะดูดซับและระบายความชื้นได้รวดเร็วแล้วยังป้องกันความอับชื้นได้ด้วย ด้วยเทคโนโลยี Flashdry มีคุณสมบัติดูดซับความชื้นและทำให้แห้งได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเราก็สัมผัสได้ว่ามันแทบจะไม่มีกลิ่นเลย
ต้องบอกก่อนว่ารองเท้ารุ่นนี้ไม่ได้ออกแบบถึงขั้นเล่นน้ำได้ แต่ที่เราใส่ไว้ตลอดเพราะป้องกันการบาดเจ็บที่เกิดจากหินใต้น้ำ เพราะหลายช่วงในทริปเราต้องกระโดดน้ำตก และลอยคอในน้ำ มันเสี่ยงมากที่เท้าจะได้รับอันตราย ซึ่งเท้าของเราปลอดภัยดี ไม่มีบาดแผล มีแต่ความเปื่อยล้วน ๆ (ฮาาาา)
หลังจากกินข้าวเสร็จนั้นเราก็เดินกลับผ่านเส้นทางอันร้อนแรง แต่คราวนี้คือเดินขึ้นอย่างเดียว บอกเลยว่าอ่อนล้ามาก ถ้าไม่ได้ Ultra Fast pack ll GTX จาก The North Face ช่วยไว้คงจะแย่กว่านี้แน่ ปกป้องมั่นใจทุกก้าวย่าง ไปได้รวดเร็ว มั่นใจตามต้องการ
เรากลับขึ้นมานอนเต๊นท์ที่อุทยาน พักผ่อนเอาแรงกับทริปเส้นทางที่ 2 ในวันรุ่งขึ้น ที่รับประกันความสนุก โหด มันส์ ฮา แถมเดินน้อยกว่าวันแรกตั้งครึ่งนึง ที่สำคัญยังได้โดดน้ำตกอีก 2 จุด เล่นน้ำกันอย่างจุใจ
กล้ามเนื้อที่อ่อนล้ามาจากเมื่อวานส่งผลให้การเดินเชื่องช้าลง แต่เราก็ไม่ย่อท้อ บุกบั่นมาจนถึงปากทางเข้าถ้าหินเวิลด์คัพ (ซึ่งเราไม่ได้เข้าไปเพราะมืด น้ำแรง อันตรายมาก) แต่แค่ได้ถ่ายรูปที่ปากถ้ำก็ถือว่าสุดยอดแล้ว ภายใต้ผืนป่าและหินผาขนาดมหึมา ทำให้เรารู้สึกตัวเล็กนิดเดียว ไม่มีประโยชน์หรือคุณค่าต่อป่านี้แต่อย่างใด ธรรมชาติช่วยทำให้เราตัวเบาลง แทบจะวางอีโก้จอมปลอมทิ้งเสียตรงนั้น!
เราเดินลัดเลาะฝ่าไปตามซอกหินเพื่อไปหาจุดหมายหลักของเรานั่นก็คือ “ถ้ำนกนางแอ่น” ซึ่งต้องกระโดดน้ำตกแล้วปล่อยให้ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของผืนน้ำ ลอยไปอย่างอิสระ ท่ามกลางหมู่แมกไม้ เสียงนกน้อยและสายน้ำ ที่สอดประสานเป็นความไพเราะจนอยากจะหยุดเวลาไว้ …

แม้จะบุกป่าฝ่าดงปีนหิน หรือลุยน้ำจนเปียกแฉะ แต่ Ultra Fast pack ll GTX จาก The North Face ก็เอาอยู่ทุกสถานการณ์จริง ๆ โดยเฉพาะตอนโดดน้ำลงไป เรามีโอกาสที่เท้าเราจะไปโดนหิน ก็ได้รองเท้าคู่นี้แหละค่อยเซฟเราไว้หลายต่อหลายครั้ง
ในที่สุดเราก็มาถึงถ้ำนกนางแอ่น สุดยอดสถาปัตยกรรมแสนวิจิตร โดยศิลปินนามว่า “ธรรมชาติ”

เรานั่งพักกันจนตัวแห้ง เพื่อเดินไต่หินไปยังจุดไฮไลท์ที่สุดในการมาเยือนอาณาจักรลำคลองงู นั่นก็คือหินอีกาและหินเอเลี่ยน ซึ่งบอกตามตรงว่า เราแทบจะไม่ต้องใช้จินตนาการแม้แต่นิดเดียว เพราะธรรมชาติได้รังสรรค์ไว้ยังกับมีต้นแบบ มันทั้งยิ่งใหญ่ สวยงามและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน




เมื่อภารกิจเสร็จสิ้น เรากลับพบว่า “ลำคลองงู” ได้ให้ของขวัญพิเศษกับเราหนึ่งอย่าง นั่นก็คือ “ความกล้า” เรากล้าพูดเลยใครที่มาผจญภัยที่นี่ ได้โดดน้ำตกที่นี่ คุณสามารถไปลุยที่อื่นได้สบาย เพราะสามารถเอาชนะความกลัวใจจิตใจ เอาชนะใจตัวเองได้สำเร็จ ซึ่งเราก็มาสังเกตตัวเองดูจากทริปถัดมา …
เออว่ะ กูกล้าขึ้นเยอะ !! โดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

หากเพื่อน ๆ อยากจะมาตะลุยแหลกแหวกโลกที่ลำคลองงูละก็ ลองติดต่อสอบถามที่อุทยานฯ ได้เลยครับ